ถึงคิวของหนังเขย่าขวัญเรื่องปัจจุบันจากฮอลลิวูดที่ได้ยินว่าได้รับเสียงวิภาควิจารณ์ที่ค่อนข้างจะงามถูกใจพอสมควรทีเดียว
นี่เป็น “The Black Phone สายหลอน หลบซ่อนวิญญาณ” ที่มาพร้อมด้วยความก้ำกึ่งระหว่างหนังผีกับหนังเขย่าขวัญ กับการเซ็ตฉากออกมามองวินเทจที่น่าดึงดูดพอได้ กับปัญหาเสียงปลายสายจากโทรศัพท์สีดำเครื่องเก่าๆมันจะชักชวนหลอนน่ากลัวกันสักมากแค่ไหนเชียวนะ?
The Black Phone สายหลอน หลบซ่อนวิญญาณ เกี่ยวกับเรื่องราวของ ฟินนีย์ ชอว์ เด็กผู้ชายเขินอายแม้กระนั้นหลักแหลม วัย 13 ขวบ ที่ถูกไอ้มืดผลักลักพาตัวไปขังอยู่ภายในห้องใต้ดินเก็บเสียง ที่ซึ่งผู้กระทำรีดร้องไม่เกิดผลดี ในช่วงเวลาที่โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณที่ติดอยู่ตรงฝาผนังเริ่มแผดเสียงดังขึ้นมา ฟินนีย์ก็ศึกษาค้นพบว่าเขาสามารถได้ยินเสียงของเหยื่อคนก่อนๆของมัน แล้วก็เหยื่อพวกนั้นก็ตั้งประณิธานเอาไว้ว่าจะมีผลให้มั่นใจว่าสิ่งที่เกิดสังกัดพวกเขาจึงควรไม่เกิดขึ้นกับฟินนีย์
รวมทั้งนี่เป็นงานควบคุมแล้วก็เขียนบทของ “สก็อต เดอร์ริกสัน” งานที่เขาตกลงใจเลือกที่จะสร้างแทนที่จะไปดูแลภาคต่อของแพทย์แปลกให้มาร์เวล โดยหนังหัวข้อนี้จับเอาเค้าเรื่องมาจากเรื่องสั้นของ “โจ ฮิลล์” มาขยายความเป็นหนังเขย่าขวัญสุดระทึก ภายใต้เบื้องหลังที่เป็นสังคในตอนสมัยปี 1970s ที่มากับบรรยากาศที่ชักชวนอยากนอนและก็เชิญชวนหลอนน่ากลัวไปพร้อมเพียงกัน หากว่าส่วนประกอบหลานอย่างในหนังหัวข้อนี้จะจำเจอย่างมาก แต่มีกิมไม่กที่ทำให้มองจบแล้วสนุกสนานได้
ารเล่าเรื่องของ The Black Phone อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีทั้งยังจุดที่ดีรวมทั้งจุดที่ไม่ดีคละเคล้ากันไปตลอดทาง เนื่องจากในแกนของความเป็นหนังเขย่าขวัญ หนังก็สามารถสร้างบรรยากาศรวมทั้งแรงกดดันผ่านผู้แสดงมายังผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม แต่ว่าก็กลับยังลืมเล่าอีกหลายๆส่วนที่คงจะเติมเต็มได้มากกว่านี้อีกหน่อย ส่วนในแกนสังคมและก็ครอบครัวที่ราวกับจะปูทางมาค่อนข้างจะพอใช้ทีเดียว แม้กระนั้นก็เปลี่ยนเป็นว่าหนังยังพาผู้ชมไปถึงหัวข้อต่างๆได้ไม่สุดเลยสักทางอยู่ดี ราวกับถูกทิ้งไว้ระหว่างทางบ่อยมาก
ตกลงว่าในรูปภาพรวมนั้น The Black Phone ก็จัดได้ว่าหนังเขย่าขวัญ ที่มีบรรยากาศของสมัย 70s ที่ถ่ายทอดออกมาได้บันเทิงใจและก็ได้อรรถรสค่อนข้างจะครบดี ถึงแม้ว่าส่วนประกอบหลายๆอย่างของหนังประเด็นนั้นจะไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย แม้กระนั้นการเล่าเรื่องที่ก้ำกึ่งระหว่างถูกใจกับเกลียด กับพาให้พวกเราเพลิดเพลินใจไปได้อย่างไม่รู้ตัว ไม่เชิงกับเป็นหนังผี แม้กระนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่หลอนเลย โทนอาจจะก่อให้พวกเรารำลึกถึงพวกหนังจากงานนิพนธ์ของ “สตีเฟ่น คิง” อะไรทำนองนั้น ถึงมันจะรู้สึกบ่อยๆแต่ว่าเอาเข้าจริงก็บันเทิงใจดีล่ะ