ขอต้อนรับภาพยนตร์ Bollywood แนวอาชญากรรม-ไต่สวนเรื่องใหม่ที่ได้ลงสตรีมมิ่ง Netflix ไปเมื่อเร็วๆนี้
HIT: The First Case เป็นภาพยนตร์ remake จากภาพยนตร์ภาษาเตลูกู ในชื่อเดียวกันที่ปลดปล่อยในปี 2020 สำหรับ HIT: The First Case ในฉบับภาษาฮินดีนี้ ก็ได้ดาราหนังประสิทธิภาพอย่าง Rajkummar Rao (ราชจับมาร์ ราว) มารับบทนำ ซึ่งผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางทีอาจจะได้ทราบจะกันมาแล้วจากภาพยนตร์ดราม่า-คอมเมดี้ LGBTQ+ น้ำดีเรื่อง Badhaai Do ที่ได้มีให้รับดูผ่าน Netflix เหมือนกันในตอนต้นปี 2022 ก่อนหน้าที่ผ่านมานี้เอง
นอกเหนือจากนั้นราชจับมาร์ก็ได้ตามติดคู่กับ Sanya Malhotra (ซันยา มาลโฮยี่ห้อ) ที่ได้รับหน้าที่นำในรูปภาพยนตร์มีชื่ออย่าง Pagglait ที่ว่าด้วยเรื่องของหญิงที่ควรจะเป็นหม้ายเนื่องจากว่าผัวเสียชีวิตข้างหลังสมรสกันเพียงแต่ 5 เดือน และก็หนังอาชญากรรมเฮฮาร้ายที่เชื่อมโยงเรื่องราว 4 เรื่องของคน 4 กรุ๊ปเอาไว้ร่วมกันในเรื่อง Ludo อีกด้วย
เกิดเรื่องราวของ ความกล้าหาญ (ราชจับมาร์ ราว) ตำรวจมือดีจากหน่วยแทรกแซงคดีการฆ่าสังหาร (Homicide Intervention Team: HIT) ที่จำต้องเผชิญปัญหาต่อการดำเนินงานจากอาการ PTSD (Post-traumatic Stress Disorder – โรคจิตเภทประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นภายหลังเผชิญเหตุสะเทือนขวัญอย่างหนัก) โดยความเก่งกล้าจะกำเนิดอาการเครียดและก็แพนิคอย่างหนักเมื่อมองเห็นศพแล้วก็ไฟ ข้างหลังหัวแข็งไม่ฟังข้อเสนอจากจิตแพทย์อยู่นาน ความเก่งกล้าก็เลยยอมลาพักจากการทำงานตรงเวลา 3 เดือนเพื่อไปพัก แต่ว่าการพักผ่อนหย่อนใจคราวนี้กลับมิได้เป็นได้ด้วยดีอย่างที่คาดหวังไว้ เมื่อ เนฮา (ซันยา มาลโฮยี่ห้อ) แฟนสาวของความเก่งกล้าได้ล่องหนไป ซึ่งความเก่งกล้ามั่นใจว่าการล่องหนไปของแฟนสาวของเขานั้น ควรมีจุดเชื่อมโยงกับคดีของ ปรีติ (โรส ข่าน) หญิงสาววัย 18 ปีที่ล่องหนไปที่ผ่านมา
HIT: The First Case เป็นหนังสอบสวนสืบสวนที่มีการเดินเรื่องแบบเป็นลำดับไทม์ไลน์ตอนนี้แทบตลอดทั้งเรื่อง โดยมีการแทรกฉากย้อนอดีตมาบ้างเป็นบางครั้งและก็ส่วนมากก็เป็นอดีตจากความนึกคิดในหัวของผู้แสดงนำอย่างความกล้าหาญเพียงแค่นั้น นับว่าเป็นหนังที่เดินเรื่องค่อยๆเป็น ค่อยๆไป แต่ว่าก็มีความน่าดึงดูดใจอยู่เสมอ ถึงจะมีตอนที่รู้สึกเอื่อยๆไปบ้าง แต่ว่าเมื่อหัวข้อปัญหาของคดีเริ่มเข้าที่เข้าทาง ก็สามารถดึงให้ผู้ชมต้องการติดตามต่อได้ ลักษณะเด่นข้อหนึ่งของหนังหัวข้อนี้ก็คือ นอกเหนือจากหนังจะเข้มข้นเรื่องฉากสืบสวนแล้ว หนังประเด็นนี้ก็เล่นกับข้อความสำคัญโรค PTSD ของความกล้าหาญตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งก็ยิ่งเพิ่มบรรยากาศแรงกดดันรวมทั้งเคร่งเคลียดให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างยิ่ง
สำหรับความสลับซับซ้อนของการคลี่คลายคดี ก็นับว่าค่อนข้างจะทายใจทางได้ยาก ส่วนตัวแล้วนักเขียนแทบทายใจไม่ออกเลยจ้ะว่า คนไหนกันเป็นผู้ร้ายลักพาตัวที่จริงจริง คนใดเป็นผู้ที่ร่วมมือด้วย รวมทั้งความมุ่งหมายของการลักพาตัวคราวนี้เป็นอย่างไรกันแน่ เนื่องจากว่าหนังจะพาพวกเราไปตั้งประเด็นน่าสงสัยกับนักแสดงมากมายตัวร่วมกัน จนกระทั่งตัวนำอย่างความกล้าหาญ รวมทั้งผู้ชมอย่างพวกเราๆจำเป็นต้องพากันยุ่ง