ถ้ามองผิวเผิน‘Fire of Love’ ก็บางครั้งก็อาจจะมองเป็นสารคดีอีกหนึ่งเรื่องที่เล่าเกี่ยวกับภูเขาไฟ การเขยื้อนของเปลือกโลก อันตรายของลาวา อื่นๆอีกมากมาย อะไรพวกนี้
แต่ว่าเพียงพอฟังชื่อไทยที่ตั้งอย่างละมุนว่า ‘โทษรักจากลาวา’ กับจั่วหัวว่า นี่เป็นเรื่องราวชีวิตเกี่ยวกับคู่ครองคู่หนึ่งที่อุทิศชีวิตให้กับภูเขาไฟ อุทิศอีกทั้งจิตวิญญาณแล้วก็ความรักให้กับการเรียนแล้วก็เก็บภาพภูเขาไฟ แล้วก็อุทิศชีวิตในอุบัติเหตุภูเขาไฟ ก็เชื้อเชิญให้รำลึกถึงเรื่องราวเรื่องโศกเศร้าลักษณะเดียวกันกับ ‘โรมีโอแล้วก็จูเลียต’ ที่ใช้ความตายมาเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ที่รักของทั้งสองอะไรทำนองนั้นได้เช่นกันครับ
แม้กระนั้นไม่ว่าจะระลึกถึงอะไรก็แล้วแต่แม้กระนั้น สารคดีหัวข้อนี้ก็มีความน่าดึงดูดใจมากมายๆตรงที่เป็นภาพยนตร์สารคดีที่ว่าด้วยเรื่องของ มอริซ ครั้งฟท์ (Maurice Krafft) รวมทั้ง ติดอยู่เทีย คราวฟท์ (Katia Krafft) แฟนนักภูเขาไฟวิทยา (Volcanologists) ชาวประเทศฝรั่งเศส ทั้งสองอุทิศชีวิตให้กับการเดินทางเพื่อไล่เก็บบันทึกภาพปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติอันน่าคลั่งไคล้แล้วก็อันตรายของภูเขาไฟทั่วทั้งโลกอย่างเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปี ก่อนที่จะพวกเขาจะเสียชีวิตในเรื่องราวภูเขาไฟระเบิดที่ญี่ปุ่นในปี 1991 เหลือไว้ก็แค่มรดกองค์วิชาความรู้ด้านภูเขาไฟที่ทั้งสองบันทึกเอาไว้ผ่านหนังสือ ฟุตเทจฟิล์มถ่ายรูป 16 มิลลิเมตร ความยาวนับร้อยชั่วโมง และก็ภาพนิ่งนับพันช็อต รวมทั้งได้ดารารวมทั้งผู้กำกับอย่าง ไม่แรนดา จูลาย (Miranda July) มาเป็นผู้พูดบรรยาย
ตัวสารคดีรับหน้าที่ดูแลแล้วก็เรียบเรียงโดย ซารา โดซา (Sara Dosa) ที่เอาฟุตเทจ ภาพนิ่งที่เป็นมรดกของทั้งสอง มาปะติดปะต่อร้อยเรียงกับเสียงสัมภาษณ์ของทั้งสองตอนมีชีวิต ผสมกับการเล่าเรื่องด้วยแอนิเมชัน เสียง Foley มาประติดประต่อกันได้อย่างพอดี จนกระทั่งสามารถเอารางวัลลำดับภาพเยี่ยมยอด จากเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปีปัจจุบัน (Sundance Film Festival 2022) ก่อนที่จะค่าย National Geographic Documentary Films จะซื้อสิทธิ์ไปจำหน่ายทั่วทั้งโลก ที่น่าตกตะลึงอีกอย่างก็คือ คะแนน Tomatometer ของเว็บ Rotten Tomatoes ที่ไต่ระดับได้ตั้ง 99% แน่ะ
สิ่งที่นับได้ว่าเป็นเสน่ห์ของหนังประเด็นนี้ ก็คงจะเป็นการร้อยเรียงฟุตเทจภูเขาไฟที่ทั้งสองทิ้งไว้ให้นี่แหละครับผม รวมทั้งที่สำคัญเป็น ตัวสารคดีไม่มีการเติมบทสัมภาษณ์แบบ Talking Head เสมือนที่รู้จักลงไปเลย มีเพียงแค่เรื่องราวแล้วก็เสียงจากฟุตเทจถูกเอามาร้อยเรียงให้ถูกจังหวะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หยั่งเสียงไปกับเสียงอธิบายของจูลายเบาๆเล่าผ่านการเดินทางไปตามล่าภูเขาไฟดังที่ต่างๆและก็เล่าความเกี่ยวข้องของทั้งสองอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไปด้วยน้ำเสียงเรียบและไม่แย่งซีน ประโยคไหนที่เอามาจากใจความในหนังสือ ก็ใช้แนวทางเอาชายหญิงชาวประเทศฝรั่งเศสมาอ่านภาษาประเทศฝรั่งเศสแบบเซอร์ๆกันไปเลย แล้วก็หลายหนตัวหนังก็เลือกที่จะปลดปล่อยให้ผู้ชมเห็นภาพความโหฬารของภูเขาไฟจากฟุตเตจแบบดิบๆโดยที่ไม่ใส่เสียงอะไรลงไปก่อกวนเลยแม้แต่น้อย
ในอีกพาร์ตหนึ่ง ตัวหนังเองก็ยังจำต้องถ่ายทอดเรื่องราวหัวข้อต่างๆทั้งยังเรื่องราวชีวิตของทั้งสอง รวมทั้งความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเกี่ยวกับภูเขาไฟ ธรณีวิทยา วิทยาศาสตร์ต่างๆที่เกี่ยวพัน และก็การปรากฏสังคมที่มีต่อนักภูเขาไฟของทั้งคู่คน (ซึ่งนับได้ว่าเป็นคนมีชื่อเสียงในสมัยนั้นเช่นเดียวกัน) รวมทั้งความคิดของทั้งสองที่มีต่อการปรากฏภูเขาไฟ รวมทั้งความเกี่ยวเนื่องระหว่างกันด้วย ทั้งผองนี้ถูกถ่ายทอดด้วยหลายกรรมวิธี อีกทั้งฟุตเตจรวมทั้งเสียงบทสัมภาษณ์ บทความจากหนังสือ ส่วนพาร์ตวิชาความรู้ ตัวหนังก็ใช้แอนิเมชันสไตล์ฮิปๆมาช่วยเล่า ช่วยถ่ายทอดความรู้เนิร์ดๆให้เห็นภาพได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
โดยรวมแล้ว ‘Fire of Love’ แม้ว่าจะถูกวางตัวให้เป็นสารคดี-ประวัติบุคคล แม้กระนั้นด้วยการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างจะเรียบง่าย มิได้มานะวางตัวเป็นสารคดีที่วางตัวเองให้เป็นผู้ทรงความรู้ มิได้เป็นโชว์เคสที่มานั่งอวดว่าทั้งสองเยี่ยมแค่ไหน แน่ๆว่า ภาพสารคดีในหนังแล้วก็เรื่องราวของทั้งสองนั้นมันช่างตื่นตาตื่นใจเสียอย่างยิ่ง แม้กระนั้นในอีกมุมหนึ่ง มันก็เป็นการสะท้อนภาพของคู่สมรสที่ทำออกมาได้น่าหลงไหล น่าสดชื่นปนอิจฉาริษยา